วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

น้ำพริกเผาใส่เปราะหอม โดย... Thaifoodmaster

น้ำพริกเผาใส่เปราะหอม โดย... Thaifoodmaster

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิกทุกๆคน วันนี้หนุมานจะมาเสนอสูตรน้ำพริกเผาใส่เปราะหอมและกุ้งแห้ง น้ำพริกเผาสมัยก่อนมีอยู่สองชนิด คือ น้ำพริกผัด และน้ำพริกเผา ซึ่งในสมัยนี้น้ำพริกเผาที่ขายโดยทั่วไปแบบที่มีน้ำมันลอยอยู่บนหน้าคือน้ำพริกผัด ในวันนี้หนุมานจะมานำเสนอน้ำพริกเผาแบบผัด น้ำพริกผัดเป็นน้ำพริกที่คิดขึ้นมาเพื่อให้เก็บเอาไว้ทานได้นานๆ ซึ่งมีคุณลักษณะเฉพาะตัว และที่สำคัญมีความอร่อยมากด้วย นี่คือตัวอย่างของความงามที่แท้จริงของอาหารไทย



เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมได้รับเกียรติอย่างสูงไปออกรายการ Princess Diary ของทูลกระหม่อมหญิงอบุลรัตน์ฯ ซึ่งพระองค์เป็นผู้ดำเนินรายการ รายการจะออกอากาศประมาณปลายเดือนสิงหาคม ถ้าทราบวันที่ออกอากาศแน่นอนแล้วจะมาบอกอีกครั้งครับ ในรายการผมได้รับเกียรติที่จะทำส้มตำถวายแก่พระองค์ด้วย (รายการออกอากาศวันศุกร์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๓ - หมูแดง)



ส่วนผสม

◊ พริกแห้งเม็ดใหญ่ ๒๐ เม็ด
◊ กุ้งแห้ง ๖ ช้อนโต๊ะ
◊ หอมแดง ๑/๒ ถ้วย (ประมาณ ๘ หัว)
◊ กระเทียม ๑/๒ ถ้วย (ประมาณ ๑๐ กลีบใหญ่)
◊ เปราะหอม ๗-๘ แว่น
◊ กะปิ – คั่วให้หอม ๔ ช้อนโต๊ะ
◊ น้ำปลา ๔ ช้อนโต๊ะ
◊ น้ำมะขามเปียก ๑/๒ ถ้วย
◊ น้ำตาลมะพร้าว ๒ ช้อนโต๊ะ
◊ น้ำมันสำหรับผัด

นำพริกแห้งเม็ดใหญ่มาแกะเอาเม็ดออก



นำพริกแห้งไปแช่น้ำ



เอาขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำ



นำกุ้งแห้งไปล้างน้ำให้สะอาด เอาขึ้นผึ่งให้แห้ง



นำหอมแดง กระเทียม ปลอกเปลือกออก ล้างน้ำให้สะอาด และผึ่งให้แห้ง



นำพริกแห้ง กุ้งแห้ง หอมแดง และกระเทียม ไปตากแดดให้แห้ง หรือ อบในเตาอบในอุณหภูมิ ๕๐ องศาจนแห้งก็ได้ เพื่อลดความชื้นและช่วยทำให้สามารถเก็บได้นานขึ้น



ใส่น้ำมันลงในกระทะแล้วนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เปราะหอม กุ้งแห้ง และกะปิคั่ว ผัดให้แห้ง จนมีกลิ่นหอมและเหลืองกรอบที่ละอย่าง เอาขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำมัน



โขลกเปราะหอมให้ป่น



นำกุ้งแห้งลงไปโขลกจนป่นเป็นฝอย เสร็จแล้วพักในถ้วย



นำพริกแห้งลงไปโขลกจนละเอียด



นำหอมแดง และกระเทียม ลงไปโขลกให้เข้ากัน



จากนั้นใส่กะปิ ลงโขลกให้เข้ากันอีกครั้ง



เติมเปราะหอม และกุ้งแห้งป่นฝอยที่โขลกไว้แล้วลงไป



ปรุงรสด้วยน้ำปลา



ใส่น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลมะพร้าวลงไป



แล้วคนให้เข้ากัน



ตั้งกระทะใส่น้ำมัน แล้วนำน้ำพริกที่ได้ลงผัดในน้ำมันให้สุกหอม



น้ำพริกผัดเสร็จแล้วครับ



เปราะหอมสามารถหาซื้อได้ตามตลาดสดทั่วไป แถวร้านที่ขายของพวกของแห้ง เครื่องเทศต่างๆ หรือตามซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มีครับ เปราะหอมมีกลิ่นหอม หัวกลมเหมือนหัวกระชาย หัวมีรสเผ็ดขม ชื่อพื้นเมือง เช่น เปราะหอม หอมเปราะ ว่านหอม ว่านตีนดิน ว่านแผ่นดินเย็น

credit:http://www.kruaklaibaan.com/forum/index.php?showtopic=6324

น้ำพริกเผาแบบผัด

น้ำพริกเผา โดย... @ - ENYA - @

วันนี้พิมเอาน้ำพริกเผามาฝากนะคะ ไม่พูดพล่ามทำเพลงกันเลย มาดูหน้าตาน้ำพริกเผาของพิมก่อนดีกว่า ในรูปนี้เป็นน้ำพริกเผาแบบผัดนะคะ เก็บไว้ได้นานหน่อย แล้วก็เอาน้ำมันพริกเผาไปใส่ต้มยำได้ค่ะ



มาดูส่วนผสมกันก่อนละกันค่ะ

ส่วนผสม

◊ พริกแห้งเม็ดใหญ่ ๕๐ กรัม
◊ พริกแห้งเม็ดเล็ก ๔๐ เม็ด
◊ หอมแดง ๑ ถ้วย
◊ กระเทียม ๑/๒ ถ้วย
◊ เกลือ นิดหน่อย
◊ พริกแห้ง ก็หั่นสักขนาดข้างบนนะคะ
◊ หอมแดง กับกระเทียมก็ หั่นหยาบๆ ค่ะ ไม่ต้องบางเหมือนตอนเอาไปเจียวนะคะ
◊ จากนั้นพอเตรียมของเรียบร้อย ก็ตั้งกระทะเพื่อจะคั่วพริก หอม กระเทียม โดยปรกติเนี่ย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะใช้วิธีเผาเอา แต่ใช้วิธีคั่ว หรือย่างในเตาอบก็ได้ค่ะ
◊ พอกระทะร้อน ใส่พริกทั้ง ๒ ชนิดลงไปคั่วๆ ค่ะ



คั่วไปเรื่อยๆ ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน หมั่นพลิกกลับไปมาเป็นระยะ ระวังไหม้นะคะ



พอได้สีประมาณนี้ ก็เอาขึ้นตักใส่จานได้เลยค่ะ



จากนั้นหันมาคั่วหอมกระเทียมต่อ



คั่วไปสักพัก ให้หอมกระเทียมสุก และเริ่มจะเกรียมกว่าในภาพนี้นิดๆ ก็ใช้ได้ละค่ะ แต่อย่าให้ไหม้นะ เดี๋ยวจะขม



พอคั่วส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็จัดการดับไฟได้เลยค่ะ ต่อไปนี้เราก็ต้องมาเริ่มโขลกๆ ตำๆ กันแหละ อุปกรณ์ที่เราใช้โขลกหรือตำ คือครกหินใบใหญ่ใบนี้แหละค่ะ แต่ถ้าใครไม่มีครก จะใช้เครื่องปั่น หรือพวก Food Processor เอาก็ได้ค่ะ ตามสะดวก



เริ่มต้นด้วยการใส่พริกคั่วแล้วลงไป โขลกๆ ตำๆ ไปสักแป๊บค่ะ เดี๋ยวพริกก็จะแหลกแล้ว



จริงๆเนี่ย พิมให้น้องมาช่วยตำพริกตอนที่พิมคั่วหอมกระเทียมค่ะ แต่สงสัยด้วยแรงช้าง บวกกับคุยไปตำไป แถมพริกยังกรอบมาก ตำง่าย ผลที่ได้ พริกคั่วเลยออกมาละเอียดอย่างนี้ กลายเป็นพริกป่นไปเลยค่ะ จริงๆ ต้องหยาบกว่านี้สักหน่อยนะคะ บางคนอาจจะตำพริกพร้อมหอมและกระเทียมเลยก็ได้นะคะ เลือกเอาตามสะดวก แต่พอดีน้องชายพิมเขาอาสาจะตำพริกให้ก่อน ก็เอาค่ะ ไม่ขัดศรัทธา



จากนั้นคดพริก พักใส่ถ้วยเอาไว้ก่อน หันมาตำหอมกระเทียมกัน



โขลกๆ ตำๆ ไปเรื่อยๆ จนหอมกระเทียมแหลกกว่าในภาพนี้สักหน่อยนะคะ



จากนั้นใส่พริกที่เราโขลกไว้ก่อนหน้านี้ ลงไปผสม แล้วก็โขลกให้เข้ากันดี



และแล้วเราก็ได้มาแล้วค่ะ น้ำพริกเผาแบบไม่ผัด ซึ่งน้ำพริกเผาตรงนี้ เอาไปใส่พวกยำกบ ยำหัวปลีแบบสุก อร่อยมากจ้า หรือจะเอาไปผสมน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ทำเป็นน้ำจิ้มปลาหมึกย่างก็ดีค่ะ หรือจะใส่กุ้งแห้งป่นลงไปด้วย กลายเป็นน้ำพริกเผากุ้งแห้ง ใช้คลุกกินกับข้าวก็อร่อยดีนะคะ



แต่หากใครทำไว้เยอะ กลัวจะเสีย กินไม่ทัน เรามาเอาน้ำพริกเผาไปผัดกันค่ะ ตั้งกระทะเลย ใส่น้ำมันไปด้วย มากน้อยตามชอบ



พอน้ำมันอุ่นๆ ใส่พริกเผาเมื่อกี้ลงไปได้เลยค่ะ แล้วก็ใช้ตะหลิวยีให้กระจาย



แล้วเราก็จะได้มาเป็นน้ำพริกเผาแบบนี้แหละค่ะ ในถ้วยจะมีน้ำมันค่อนข้างเยอะ เพราะพิมจะเอาน้ำมันน้ำพริกเผาไปไว้ใส่ต้มยำค่ะ



บางคนอาจจะมีวิธีทำน้ำพริกเผาที่แตกต่างกันไปจากนี้ เช่น จากการคั่วก็เอาไปปิ้งบนเตาถ่าน หรือว่าปิ้งในเตาอบแทน จากการตำแบบละเอียด ก็อาจจะตำหยาบกว่านี้มากกว่า หรือบางคนตำพร้อมกันหมดเลยก็ได้ค่ะ แล้วแต่ความชอบ เลือกเอาตามถนัดนะคะ วันที่ทำน้ำพริกเผาเนี่ย พิมแบ่งน้ำพริกเผาสดไปทำน้ำจิ้มปลาหมึกย่างค่ะ (ในภาพนี้แหละ) อร่อยดีนะคะ เสียแต่ลืมถ่ายรูปไว้ค่ะ



ข้อความถูกโพสต์ขึ้น โดย... Web Master
สาธิตและภาพประกอบ โดย... @ - ENYA - @ ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้

ต้มยำกุ้งน้ำข้น

เครื่องปรุง

◊ กุ้งสด จุ๋มใช้ ๒ ขีด ประมาณ ๑๕ ตัวค่ะ ไปแค่ตลาดนัด มันมีแต่ไซส์นี้อ่ะจ้า
◊ เห็ดฟาง ๑ ขีด ประมาณ ๑๐-๑๒ ดอกค่ะ ใครจะใช้เห็ดนางฟ้าหรือเห็ดนางรมแทนก็ได้จ๊ะ
◊ มะนาว จุ๋มใช้ ๓ ลูก บีบน้ำได้ประมาณ ๓ ช้อนกินข้าวแบบสั้น
◊ พริกขี้หนูเม็ดเล็ก จุ๋มใช้ ๑๕ เม็ดค่ะ
◊ หัวหอมแดง ๓-๔ หัว
◊ ตะไคร้ จุ๋มใช้ ๒ ต้นไม่ใหญ่ค่ะ
◊ ข่าแก่ ๕ แว่น
◊ ใบมะกรูด ๔-๕ ใบ
◊ รากผักชี ๒ ราก
◊ ผักชี ๒ ต้น ใครจะเพิ่มผักชีฝรั่งก็ตามชอบใจนะคะ แต่จุ๋มไม่มี เลยไม่ได้ใส่ค่ะ
◊ น้ำพริกเผา
◊ น้ำปลาดี
◊ นมข้นไม่หวาน (จุ๋มใช้คาร์เนชั่น)
◊ น้ำซุป จุ๋มไม่มีค่ะ ใช้น้ำเปล่าแล้วใช้รสดีแทนค่ะ แหะ แหะ
**กุ้งสด ล้าง ลอกเปลือกออก จะเหลือหัวและหางหรือไม่ตามแต่ชอบใจค่ะ ผ่าหลังเอาเส้นดำออกค่ะ
**จานนี้เป็นพวกเครื่องต้มยำค่ะ เห็ดฟาง เกลาดินออก ฝานโคนออกบ้าง ล้างน้ำ ผ่าครึ่งหรือ ๔ แล้วแต่ดอกเล็กดอกใหญ่ค่ะ
◊ หอมแดง ปลอกเปลือกออก ล้างให้สะอาด เอาสากบุบๆไว้ค่ะ
◊ ตะไคร้ ล้างให้สะอาด บุบๆหั่นเฉียงหรือหั่นตรงแล้วแต่ชอบค่ะ
◊ ข่า ลอกเปลือกออกนิดๆล้าง หั่นแว่นๆบางๆไว้ค่ะ
◊ รากผักชี ล้างดินออกให้หมด บุบๆไว้ค่ะ
◊ ใบมะกรูด ล้างให้สะอาด ฉีกๆเอาเส้นกลางออกด้วยค่ะ



1.ผักชี ล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนขนาด ๑ เซนติเมตรหรือครึ่งนิ้วไว้ค่ะ
2.พริกขี้หนู ล้างให้สะอาด บุบๆไว้ค่ะ มะนาว ล้างให้สะอาด ผ่าเสี้ยว บีบน้ำใส่ถ้วยพริกขี้หนูไว้ค่ะ
3.หาถ้วยอีกใบ ตักน้ำพริกเผาใส่ถ้วยค่ะ จุ๋มใส่ราวๆนี้อ่ะจ้า ๑ ช้อนกินข้าวพูนๆเลย จากนั้นเติมนมข้นไม่หวานใส่ไปค่ะ อันนี้ต้องกะเอาเองว่าชอบข้นมากข้นน้อย จุ๋มใส่ ๑/๓ ถ้วยตวงของเหลว ประมาณ ๔๕ ซีซีค่ะ คนๆ บี้ๆ อย่าให้น้ำพริกเผาเป็นก้อนค่ะ จะใช้วิธีทยอยใส่นมลงในถ้วยก็ได้ค่ะ ใส่น้ำพริกเผาราวๆนี้ค่ะ ยังไงลองชิมกันตามใจชอบนะคะ ถ้าไม่พอใส่เพิ่มตอนหลังได้ค่ะ ใส่มากเลยตอนแรกจะแก้ยากถ้ามันมากเกินไปนะจ้า
4.ใส่นมไป แล้วใช้ช้อนบี้ๆน้ำพริกเผาอย่าให้เป็นก้อน ก็ได้มาหน้าตาแบบนี้นะจ๊ะ
5.ตั้งน้ำ ๑ หม้อไฟแรง จุ๋มใช้น้ำ ๑ ๑/๒ ถ้วยตวงของเหลว (๓๔๐ ซีซี) พอน้ำเดือดใส่หัวหอม รากผักชี ข่า ลงไปค่ะ
6.น้ำเดือดอีกทีใส่น้ำปลาและก็รสดีลงไปค่ะ วันนี้จุ๋มใช้น้ำเปล่าเลยแอบใส่รสดีไป ๑/๒ ช้อนชา แหะ แหะ ชิมดูนะคะ ให้มีรสเค็มเผื่อไว้ตอนใส่เห็ดด้วยค่ะ เพราะเห็ดออกน้ำ เดี๋ยวจะจืดลง
7.น้ำเดือดอีกทีใส่กุ้งลงไปจ๊ะ
8.ตามด้วยเห็ดเลย ไม่ต้องรอให้กุ้งสุกจ้า จริงๆแทบจะใส่พร้อมกันเลยอ่ะ เพราะเทกุ้งปุ๊บ ตามด้วยเห็ดปั๊บ
9.เปิดไฟแรงๆนะจ๊ะ กะเวลาประมาณ ๒ นาที ใส่ตะไคร้และใบมะกรูด และรอเดือดแรงๆแบบนี้สักแป๊บปิดเตาค่ะ จุ๋มไม่ใส่ตะใคร้กับใบมะกรูดพร้อมหัวหอม ข่า และรากผักชีเพราะบางทีน้ำมันจะเขียวๆอ่า ไม่ชอบอ่ะ ยังไงถ้าใครจะเปลี่ยนไปใส่ตอนแรกหมดเลยก็ได้นะ
10.พอปิดเตาปุ๊บก็เทถ้วยน้ำพริกเผากะนมที่ผสมกันไว้เลยคะ บางคนอาจจะเทแล้วค่อยปิดเตา แต่จุ๋มชอบปิดเตาก่อนเทนมกะน้ำพริกเผาลงไปค่ะ เพราะบางทีนมถูกความร้อนแล้วมันก็เป็นลูก น้ำต้มยำมันไม่เนียนๆง่ะ จุ๋มชอบแบบเนียนๆน่ะค่ะ พอเทนมกะน้ำพริกเผาแล้วก็คนๆให้เข้ากันจ้า
11.จากนั้นค่อยเติมพริกขี้หนูและน้ำมะนาวลงไปค่ะ ชิมๆดูอีกที ถ้าไม่เค็มเติมน้ำปลาไปตามชอบค่ะ หรือถ้าไม่เปรี้ยวไม่เผ็ดสะใจก็เติมพริกและมะนาวเหมือนกันจ้า ตักใส่ถ้วย โรยผักชีค่ะ แล้วก็จะได้เต็มชามนี้เลยอ่ะ

ทานกับข้าวสวยเนอะ
สูตรนี้มีเพื่อนๆในพันทิบเอาไปทำหลายคนแล้วค่ะ ติดใจอย่างแรง ปรกติเค้าบอกว่าสามีเคยบอกว่าเค้าทำต้มยำไม่อร่อยเลย วันก่อนเค้าหลังไมค์มาถามจุ๋มแล้วก็ไปทำ เค้าหลังไมค์มาตอบว่า คราวนี้สามีชมใหญ่ไม่หยุดปากเลย เป็นคนท้องด้วยคะ ได้มีของอร่อยๆ ทานกันถ้วนหน้าจุ๋มก็ดีใจสุดแสนเลยค่ะ แบบว่าอ่านไปยิ้มไปเลยอ่ะ

ต้มข่าไก่่

เครื่องปรุง
เนื้อไก่ 300 กรัม
กะทิ 1 กระป๋อง
เห็ด 6 ดอก
ข่า 8-9 แว่น
พริกสด 4-5 เม็ด
ใบมะกรูด 6-7 ใบ
ตะไคร้ 2 ต้น
ผักชี 2 ต้น
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ถ้วย


วิธีทำ
1. นำข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นข่าเป็นแว่น หั่นตะไคร้เฉียงๆ และฉีกเส้นกลางใบมะกรูดออก พักไว้


2. นำเห็ด พริกสด และผักชีมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นเห็ดออกเป็น 6-8 ส่วน หั่นพริกเฉียงๆ แล้วซอยผักชีหยาบๆ พักไว้


3. นำเนื้อไก่มาล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ


4. เปิดเตาที่ไฟแรงปานกลาง นำหางกะทิและน้ำเปล่า 1 ถ้วยใส่ลงหม้อ รอจนเดือดจึงใส่ข่า ตะไคร้และใบมะกรูดลงไป เคี่ยวไปประมาณ 5 นาที


5. ใส่เนื้อไก่ลงไป รอจนเนื้อไก่เริ่มสุกจึงใส่เกลือป่นลงไป คนให้เข้ากัน


6. ใส่หัวกะทิลงไป คนให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปอีก 1 ถ้วย รอซักพักจนน้ำแกงเดือด


7. ใส่เห็ดและพริกที่หั่นไว้ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วปิดเตาได้


8. ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว ชิมรสตามชอบ จากนั้น โรยด้วยผักชีและคนให้เข้ากัน


9. ตักต้มข่าไก่ใส่ชาม โรยหน้าด้วยผักชีเล็กน้อย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

ส้มตำไทย

* มะละกอดิบหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง

* แครอทหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง

* ถั่วฝักยาว 1/2 ถ้วยตวง (หั่นความยาวประมาณ 1" )

* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

* น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

(ถ้าไม่มีสามารถใช้น้ำตาลทรายแทนได้)

* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

* มะเขือเทศ 1/2 ถ้วยตวง (หั่นครึ่ง)

* กุ้งแห้ง 1/3 ถ้วยตวง

* ถั่วลิสง 1/4 ถ้วยตวง

* พริกขี้หนู 10 เม็ด (ปรับเพิ่ม/ลด ตามความต้องการ)

* กระเทียมสด 5 กลีบ
วิธีทำทีละขั้นตอน

1. ใส่กระเทียมและพริกลงในครก ใช้สากตำพอแหลก จึงใส่กุ้งแห้งและตำต่อไปอีกสักพัก

2. ใส่น้ำตาลปี๊บ ตำต่อจนน้ำตาลละลาย จึงใส่มะละกอฝอย, แครอทฝอย, ถั่วฝักยาว, มะเขือเทศ, ถั่วลิสง ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว จากนั้นจึงตำต่อจนส่วนผสมทั้งหมดเคล้ากันทั่ว

3. ปรุงรสให้ถูกปากด้วย น้ำตาล, น้ำปลา หรือน้ำมะนาวเพิ่ม รสดั้งเดิมจะมีรสหวาน, เผ็ด และเปรี้ยวพอๆกัน

4. ตักใส่จานและโรยหน้าด้วยถั่วลิสง เสิรฟพร้อมผักสด (กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว, ผักบุ้งไทย, อื่นๆ) และข้าวเหนียวร้อนๆ

เสือร้องไห้

* เนื้อวัว 400 กรัม

* ซิอิ๊ว 3 ช้อนโต๊ะ

* พริกไทย 0.5 ช้อนชา

* น้ำปลา 1 ช้อนชา (สำหรับหมักเนื้อ)

* น้ำปลา 1/3 ถ้วยตวงสำหรับทำน้ำจิ้ม

* น้ำ 1/3 ถ้วยตวง

* น้ำมะนาว 1/3 ถ้วยตวง

* หอมแดงซอย 2 หัว

* ผักชีซอย 1 ช้อนชา

* ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

* พริกป่น 2 ช้อนชา




วิธีทำทีละขั้นตอน

1. หมักเนื้อด้วยพริกไทย, ซิอิ๊ว และน้ำปลา ทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที

2. นำเนื้อที่หมักแล้วไปย่างจนสุกทั่ว เสร็จแล้วนำไปหั่นเป็นชิ้นบางๆ และจัดเรียงไว้ในจาน เสริฟพร้อมน้ำจิ้มกับข้าวสวยร้อนๆ หรือเป็นกับแกล้ม

3. วิธีทำน้ำจิ้มเสือร้องไห้ : นำน้ำปลา, น้ำมะนาว, หอมแดง, ข้าวคั่ว, ผักชี และพริกไทยป่นผสมกันให้เข้ากันดี จึงนำไปใส่ถ้วยน้ำจิ้มพร้อมเสริฟ

หมายเหตุ : ควรจะเตรียมน้ำจิ้มให้พร้อมก่อนย่างเนื้อ

ต้มแซ่บเนื้อ

* เนื้อวัวปนเอ็นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วยตวง

* พริกขี้หนู 10 - 15 เม็ด (ปรับเพิ่ม/ลด ตามความชอบ)

* ตะไคร้ 2 ต้น (ทุบและหั่นเป็นท่อน)

* ข่าอ่อน 6 แว่น

* ใบมะกรูด 6 ใบ

* ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ 3 ต้น

* น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

* ข้าวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ (โขลกให้ละเอียด)

* น้ำซุป 3 ถ้วยตวง




วิธีทำทีละขั้นตอน

1. ตั้งน้ำซุปในหม้อบนไฟร้อนปานกลาง เมื่อน้ำเดือดใส่ตะไคร้, ข่าอ่อน และใบมะกรูด (ฉีกแล้วใส่ลงไปในน้ำซุป) รอจนน้ำซุปเดือดอีกครั้ง แล้วลดไฟลง

2. ใส่เนื้อวัวลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนเนื้อวัวสุกและนุ่ม (ใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาที)

3. เมื่อเคี่ยวจนเนื้อนุ่มและน้ำซุปเริ่มงวดลง ปรุงรสด้วย น้ำมะนาว, น้ำปลาและ พริกขี้หนู จากนั้นจึงใส่ผักชีฝรั่งและข้าวคั่วลงไป ต้มต่อจนน้ำซุปเริ่มเดือดอีกครั้ง จึงปิดไฟ

4. ตักใส่ถ้วย เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ (หรือข้าวเหนียว) หรือเสริฟเป็นกับแกล้มก็ดี


credit:http://www.ezythaicooking.com/free_recipes/thai_hot_soup_with_beef_th.html